ศัลยกรรมตัดแต่งริมฝีปาก หรือ ตัดปากบาง หรือ ตัดปากกระจับ
เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน ต้องการแต่งทรงแบบไหนก็ตัดหนังส่วนเกินออก โดยทั่วไปมักไม่ต้องไปตัดแต่งชั้นกล้ามเนื้อข้างใต้ นอกจากเย็บรั้งไว้ในกรณีมีการตัดเนื้อปากออกมากๆ แต่ปัญหาที่เกิดตามมาหลังการตัดปากบาง ปากกระจับ ก็พบได้เรื่อยๆแก้ยากง่ายแตกต่างกันไป
ปัญหาที่พบได้แบ่งเป็นดังนี้
1 ปากไม่เท่ากัน
2 ทรงปากไม่ธรรมชาติ
3 เนื้อปากปลิ้น
4 แผลเป็นไม่สวยเห็นชัด
5ตัดปากบางเกินไป
1 ปากไม่เท่ากัน เกิดจากการวัดหรือการตัดริมฝีปากที่คลาดเคลื่อน สามารถแก้ไขได้ โดยตัดแต่งข้างที่ใหญ่ให้เล็กขึ้นใกล้เคียงกับข้างที่เล็กกว่า
2 ทรงปากไม่ธรรมชาติ เริ่มจากเป็นติ่งใหญ่เกินไป เป็นจงอยเหมือนปากนก หรือเป็นตัว M สามารถแก้ไขได้โดยการปรับทรงปากให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ดูทรงปากธรรมชาติและที่ควรหลีกเลี่ยง
3 เนื้อปากปลิ้น ธรรมชาติของริมฝีปากมีผิวแห้งกับเปียก ถ้าตัดริมฝีปากแห้งมากกว่าริมฝีปากเปียกมากๆ อาจทำให้ริมฝีปากปลิ้นผิดรูปได้ สามารถการแก้ไขโดยการตัดเนื้อริมฝีปากเปียกด้านในออกให้ได้สัดส่วนกับริมฝีปากแห้งด้านนอกได้
4 แผลเป็นไม่สวยเห็นชัด การเย็บแผลที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เป็นเส้นเหมือนตัวตะขาบได้ การแก้ไขแผลเป็นแบบนี้ยากที่สุด โดยเฉพาะรอยแผลยิ่งกว้างมากยิ่งแก้ยากเพราะการตัดแต่งจะเสียเนื้อดีมากไปด้วย
แก้ไขแผลตะขาบ
5ตัดปากบางเกินไป 1 สามารถแก้ไขบรรเทาโดยการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ โดยสามารถแทนที่เนื้อเยื่อข้างใต้ให้มีความอิ่มขึ้น (ไม่สามารถแทนที่ผิวหนังปากที่ตัดออกไปได้) ที่นิยมจะเป็นเนื้อเยื่อบริเวณร่องก้น เพราะซ่อนรอยแผลได้ดี เราสามารถปรับแต่งรูปแบบของเนื้อเยื่อได้ว่าจุดไหนต้องการมากหรือน้อย
หลังการแก้ไขด้วยการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ
2 ในกรณีที่ความยาวริมฝีปากเพียงพอ ยังยาวปิดฟันได้ การทำผ่าตัดยกริมฝีปาก(BullHorn Surgery) สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะการผ่าตัดยกริมฝีปาก(BullHorn Surgery)ทำให้ริมฝีปากแดงเผยอออก ให้ดูเต็มและใหญ่ขึ้นได้ สามารถดูเพิ่มเติมได้ในLINKBULLHORN
เวลาที่เหมาะสมของการแก้ไข
ควรรออย่างน้อย4-6เดือนหลังผ่าตัด สามารถตรวจดูได้ด้วยตัวเองคือเนื้อเยื่อรอบๆบริเวณผ่าตัดนิ่มเหมือนเนื้อปกติแล้ว แต่ในบางรายที่ผิดรูปร่างมากๆทนรอไม่ได้ อาจพิจารณาใช้ Filler แบบสลายได้ช่วยประคองไปก่อน