การมีรอยร่องแก้ม ร่องรอยยิ้ม  (Nasolabial Fold, Smile Line) เป็นอาการแสดงอย่างหนึ่งของความชรา การแก้ไขด้วยการเสริมร่องแก้ม หรือ กระดูกฐานปีกจมูก(Paranasal implant)เป็นวิธีที่ได้ผลดีคือลดทั้งความชัดและความลึกของร่องแก้ม หรือ ร่องรอยยิ้ม

วัสดุที่ใช้ในการเสริม มีทั้ง GOReTEX, PTFE หรือ  Silicone แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Silicone เพราะปัญหาน้อยและมีขนาดให้เลือกใช้ที่เหมาะสม

 

1 มีโอกาสอักเสบ, ทะลุ มากไหม คำตอบคือน้อยมากเพราะ บริเวณนี้มีเนื้อเยื่อที่หนาพอเพียง ความเสี่ยงเรื่องทะลุจึงน้อยมาก ส่วนการอักเสบก็เช่นกันเกิดได้น้อยมาก ( คล้ายกับการเสริมคางโอกาสทะลุหรืออักเสบน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับการเสริมจมูก

 

2 การเบี้ยวเอียงเคลื่อน เกิดขึ้นได้ไหม  ข้อนี้ขึ้นกับความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัด บางคนต้องใช้ Screwเหล็กช่วยยึดไว้ แต่สำหรับที่ DRT Clinic เรามีประสบการณ์ในการเสริมร่องแก้มมากพอสมควรจึงสามารถหลีกเลี่ยง การใช้ Screw ในการเจาะยึดกับกระดูกข้างจมูก ช่วยให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มและเลี่ยงได้สิ่งแปลกปลอมเพิ่มโดยไม่จำเป็น

 

3 เด็กขึ้นกี่ปี โดยเฉลี่ยการเสริมร่องแก้มด้วยขนาดที่เหมาะสม สามารถลดความลึกและความชัดได้มากกว่า70% แทบจะเป็นการแก้ไขที่ดีที่สุด ได้ผลมากกว่าการดึงหน้าอย่างมากมาย 

 

4 ต้องดึงหน้าร่วมด้วยไหม หรือ ดึงหน้ามาแล้วทำได้ไหม สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเคยดึงหน้ามาก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม  ในกรณีที่ไม่เคยดึงหน้าแนะนำให้เสริมร่องแก้มก่อน(อาจทำตัดยกริมฝีปากบนร่วมด้วยLINK) เพราะสามารถแก้ปัญหาเรื่องรอยร่องแก้มได้ดีกว่าการดึงหน้า จนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องไปดึงหน้าอีกเลย

 

5 Silicone มีข้อดีอย่างไร การเสริมร่องแก้ม เราต้องการวัสดุที่มีความแข็งแรงระดับหนึ่งเพื่อยกเนื้อเยื้อด้านบนให้เรียบขึ้น และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับขอบกระดูกปีกจมูกได้ง่าย

 

6 เทียบกับ Filler เป็นอย่างไร  Fillerชนิดต่างๆหรือไขมันล้วนเป็นวัสดุทดแทนแบบนิ่ม ฉีดเข้าบริเวณใต้ผิวหนังและต้องฉีดในปริมาณที่มาก จึงทำให้ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะเวลายิ้ม เพราะบริเวณนี้มีการขยับเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา คนที่เคยฉีดร่องแก้มมาจะทราบดีว่าถ้าฉีดน้อยมักไม่เห็นผล แต่ถ้าฉีดมากจะดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ